Carbon Footprint สิ่งที่ต้องคำนึงในยุคนี้
Carbon Footprint สิ่งที่ต้องคำนึงในยุคนี้
ยุคนี้เป็นยุคที่ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตั้งแต่วัตถุดิบ กระบวนการผลิตไปจนถึงการบำบัดของเสียหลังกระบวนการผลิต เรียกได้ว่าให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกหรือ Eco Friendly Product แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ Carbon Footprint ซึ่งเป็นเสมือนเงาตามตัวของผลิตภัณฑ์และกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์
• เรามารู้จัก Carbon Footprint กันดีกว่าว่าคืออะไร?
• เรามารู้จัก Carbon Footprint กันดีกว่าว่าคืออะไร?
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ หมายถึง ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วย ตลอดวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การประกอบชิ้นงาน การกระจายสินค้า การใช้งาน และการจัดการของเสียหลังหมดอายุการใช้งาน รวมถึงการขนส่งที่เกี่ยวข้อง โดยคำนวณออกมาในรูปของกรัม, กิโลกรัม หรือตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (คือหน่วยของก๊าซเรือนกระจก)
ดังนั้นจึงมีเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ติดไว้บนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แสดงข้อมูลให้ผู้บริโภครู้ว่าตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาปริมาณเท่าไร เป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การใช้เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกอีกด้วย เนื่องจากตอนนี้หลายประเทศเริ่มมีการนำคาร์บอนฟุตพริ้นท์มาใช้กันแล้ว เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นต้น และได้มีการเรียกร้องให้สินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่นๆ ต้องติดเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วย
• อุตสาหกรรมแฟชั่นเครื่องนุ่มหุ่มปรับตัวสู่ความยั่งยืนกันอย่างคึกคัก
• อุตสาหกรรมแฟชั่นเครื่องนุ่มหุ่มปรับตัวสู่ความยั่งยืนกันอย่างคึกคัก
ตอนนี้แบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์ได้ปรับตัวมุ่งสู่ความเป็น Sustainability มากขึ้น เรียกได้ว่าเทรนด์แห่งความยั่งยืนรันทุกซอกทุกมุมของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มไปแล้ว ตัวอย่างเช่น Prada แบรนด์แฟชั่นสุดหรูจากอิตาลีประกาศยกเลิกขนเฟอร์จากสัตว์ และได้เปิดตัววัสดุที่ใหม่ที่ใช้ในคอลเล็กชั่น Re-Nylon ที่วัสดุทำจากขยะพลาสติกในมหาสมุทรและตาข่ายจับปลา และตั้งเป้ายกเลิกการใช้ไนลอนบริสุทธิ์ โดยจะหันมาใช้พลาสติกรีไซเคิลในไลน์สินค้าอื่นๆ
ส่วนบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่ง จำกัด บริษัทผู้ผลิตแบรนด์เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มมากมาย อย่าง UNIQLO, GU, Theory, J Brand ฯลฯ ได้พัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ที่ตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2573 ตามข้อตกลงปารีส โดยใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ลดการใช้น้ำ เนื่องจากอุตสาหกรรรมสิ่งทอใช้ทรัพยากรน้ำจำนวนมาก ซึ่งเสื้อ 1 ตัวใช้น้ำราว 2,700 ลิตร ยีนส์ 1 ตัว ใช้น้ำถึง 10,000 ลิตร โดยเทคโนโลยีผลิตยีนส์แบบใหม่ช่วยลดการใช้น้ำได้กว่า 99% และได้ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์แต่งยีนส์แทนกระดาษทราย
นอกจากนี้แบรนด์ที่ได้นำสิ่งทอผ้าใบคลุมรถบรรทุกที่ผ่านการใช้งานมานานแล้ว แปรรูปมาสู่กระเป๋าสุดเท่ ดีไซน์ยูนีค และเป็นที่นิยมได้ทั่วโลกอย่าง Freitag ที่เป็นผู้นำเทรนด์ความยั่งยืน ลด Waste และขั้นตอนการผลิตวัสดุเพื่อมาทำกระเป๋า โดยใช้วัสดุเหลือทิ้งจากผ้าใบรถบรรทุก หรือสายเข็มขัดนิรภัยมาทำประโยชน์และเพิ่มมูลค่า
• นวัตกรรมสิ่งทอรักษ์โลก ช่วยลดการสร้างมลพิษ
• นวัตกรรมสิ่งทอรักษ์โลก ช่วยลดการสร้างมลพิษ
เหตุผลที่อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มต้องปรับตัวสู่ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากและเร็วที่สุดนั่นเพราะ อุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยอุตสาหกรรมปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 1.2 พันล้านตันต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่า Carbon Footprint ของเที่ยวบินระหว่างประเทศและการขนส่งรวมกันเสียอีก
ดังนั้นนวัตกรรมที่ใช้ในกระบวนการผลิต Textile Recycling จึงเข้ามามีส่วนช่วยในการลด Carbon Footprint ได้เป็นอย่างมาก เริ่มจากวัสดุรักษ์โลกที่นำมาทำเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม มีการนำ Waste จากสิ่งทอเครื่องนุ่มห่ม อย่าง ซิปหรือกระดุม ฯลฯ เข้าสู่กระบวนการแปลงสภาพ กำจัดสิ่งแปลกปลอมและขึ้นรูป เพื่อนำมาปั่นเป็นเส้นใยรีไซเคิล สำหรับการผลิตเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์สิ่งทอใหม่ มีการคาดการณ์ว่าการผลิตสิ่งทอจากเส้นใยรีไซเคิล จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้มากถึง 95% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 45% ต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 50,000 ต้น เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีการนำระบบ Automation มาใช้ ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีทำงานแทนคน ตลอดจนการจัดการหน้าที่ต่างๆ รวมถึงด้านการจัดการเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งระบบอัจฉริยะนี้จะช่วยลดจำนวนคนที่ทำงานในระบบลง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและดำเนินการตรวจสอบได้อย่างครอบคลุม จึงสามารถลดการใช้พลังงานหรือลดการปล่อยมลพิษได้อย่างมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลองมาอัพเดทข้อมูลที่งานแสดงเทคโนโลยีการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ครอบคลุมที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 24 หรือ GFT 2024 ณ ไบเทค บางนา ได้ตั้งแต่วันที่ 26-29 มิ.ย. 2567 รับรองว่าคุ้ม มางานเดียวข้อมูลและไอเดียแน่น พร้อมพบปะกับว่าที่พันธมิตรการค้าตรงใจที่จะช่วยยกเครื่องธุรกิจให้ปังยิ่งกว่าเดิม!
Sources :
- Carbon Footprint ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ
https://www.thaitextile.org/th/insign/detail.3138.1.0.html
- คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์เสื้อจากผ้าบาติก
https://ojs.kmutnb.ac.th/index.php/joindtech/article/viewFile/4168/2975
- Carbon Footprint รอยเท้าที่นักลงทุนควรรู้จัก
- คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์
https://thaicarbonlabel.tgo.or.th/index.php?lang=TH&mod=Y0hKdlpIVmpkSE5mYVhNPQ
- โลกร้อนอากาศเลวร้าย หนาวจัด หิมะและน้ำท่วมในอังกฤษและสหรัฐฯ
https://www.springnews.co.th/keep-the-world/climate-change/846726
- อุตสาหกรรม "แฟชั่น" ยั่งยืน ลดใช้ทรัพยากร สู่เป้า "Net Zero"
https://www.bangkokbiznews.com/social/1001608
- เพิ่มโอกาสการผลิตอย่างยั่งยืน ด้วย Digital Technology
- "Textile Recycling" เทรนด์เสื้อผ้ารักษ์โลก ทางออก "ขยะสิ่งทอ"
https://www.thairath.co.th/futureperfect/articles/2710918
- From Waste to Wear แปลงขยะสู่แฟชั่นรักษ์โลก
Share on Social Media
Share on Social Media