จุดประกายให้ธุรกิจแฟชั่นและการตลาดออนไลน์ในยุคโควิด-19

อุตสาหกรรมแฟชั่น สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นที่มาของแนวคิดการปรับตัวธุรกิจแฟชั่นสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ผ่านการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ การประยุกต์ธุรกิจตามโมเดล BCG (Bio-Circular-Green Economy) หรือการแสวงหาตลาดใหม่ เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สนใจด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ

เป็นที่น่ายินดีว่าในปี 2565 มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจแฟชั่น อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะเติบโตขึ้น 10% จากสัญญาณที่ดีขึ้นในปี 2564 ซึ่งเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว 70% เช่นเดียวกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดออนไลน์ แล้วผู้ประกอบการควรปรับตัวอย่างไรให้ธุรกิจโดดเด่นและดึงดูดมากขึ้น?

การออกแบบเสื้อผ้าที่เน้นสวมใส่สบายและสีสันช่วยผ่อนคลายความกังวล

การมีพื้นที่สงบและปลอดภัยเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจและโรคระบาด ส่งผลโดยตรงต่อการเลือกสินค้าของผู้บริโภค เพราะการทำงานที่บ้านเป็นเวลานานทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกเสื้อผ้าที่เน้นความสบายตัว ถนอมผิว รีดหรือซักได้ง่าย ซึ่งความนิยมของกางเกง กระโปรงที่มีขอบเอวยางยืดจะกลับมา รวมถึงเบลเซอร์ที่สวมใส่สบายเมื่อต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ส่วนเทรนด์สีสันก็ส่งผลให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขจากความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิต

ทั้งนี้ Creative Thailand เผยว่า 7 สีที่ได้รับความนิยมคือ

สีครีม (Anise Flower) ซึ่งช่วยผ่อนคลายประโลมจิตใจ
สีฟ้า (Stratosphere) ช่วยให้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม
สีม่วง (Purple Rose) ช่วยลดความตึงเครียด
สีเหลืองส้ม (Radiant Yellow) ช่วยให้มองโลกในแง่ดีและปลุกพลังใจจากความเหนื่อยล้า
สีเขียวสะท้อนแสง (Acid Lime) ช่วยสร้างความแปลกใหม่และความคิดสร้างสรรค์
สีชมพูอมม่วง (Festival Fuchsia) ช่วยขับเคลื่อนพลังทั้งในชีวิตจริงและโลกดิจิทัล
สีน้ำตาลเข้ม (Java) ที่สื่อถึงความเคารพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น “ความสวมใส่สบาย” และ “สีสัน” จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจแฟชั่นควรมุ่งให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

นวัตกรรมเทคโนโลยี และสิ่งทอคุณสมบัติพิเศษ

การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมีบทบาทเพิ่มขึ้น เห็นได้จากการนำเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Direct-to-Garment มาผลิตสินค้าปริมาณมาก (Mass Customization) และสร้างสินค้าให้มีเอกลักษณ์ เพิ่มมูลค่า และดึงดูดต่อผู้บริโภคยุคใหม่ หรือการนำนวัตกรรมสิ่งทอผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ (Functional Textile) หรือผ้านอนวูฟเวน (nonwovens) มาพัฒนาสินค้า 7 กลุ่มหลัก ได้แก่

ชุดสำหรับบุคลากรการแพทย์ (Medical Wear)
ชุดป้องกันเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial Clothing)
ชุดกีฬา (Sportswear)
ชุดถนอมและบำรุงผิว (Collagen Clothing)
ผ้ารีไซเคิล (Recycled Textile)
ผ้าชนิดไม่ถักทอหรือผ้าใยสังเคราะห์ไม่ถักทอ (Non-Woven)
ผ้าสำหรับชุดยูนิฟอร์ม (Uniform)

มอบประสบการณ์พิเศษแก่ผู้บริโภค ผ่านการตลาดออนไลน์

ตลาดออนไลน์หรืออี-คอมเมิร์ซเป็นช่องทางที่จะส่งเสริมธุรกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งแนวทางต่อไปนี้จะช่วยมอบแนวทางให้ผู้ประกอบการนำไปใช้เพิ่มความมั่นคงทางธุรกิจในปัจจุบันได้เต็มศักยภาพ

สร้างแพลตฟอร์มแบบ All-in-One ให้สะดวก โดนใจไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล เช่นการมุ่งเน้นความสะดวกรวดเร็ว ลงชื่อเข้าใช้งานครั้งเดียว สั่งซื้อง่าย เว็บไซต์โหลดเร็ว หรือเห็นโพสต์โฆษณาแล้วคลิกสั่งซื้อได้ทันที
สร้าง Content Selling เสริมการตัดสินใจซื้อสินค้า นอกเหนือจากการออกแบบและภาพที่สวยงามเพื่อดึงดูดลูกค้า (Content Marketing) ก็ควรมีการเล่าเรื่อง (Story Telling) เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์และเพิ่มยอดขาย
การใช้อินฟลูเอนเซอร์เสริมธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ ตลาดของอินฟลูเอนเซอร์ยังมีมูลค่าเติบโตต่อเนื่อง และช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจบริบทของสินค้าและการใช้สินค้าได้ดี ดังนั้นการวางกลยุทธ์การขายผ่านอินฟลูเอนเซอร์ก็จะช่วยสร้างมูลค่าและคุณค่าให้ธุรกิจในระยะยาว

ความรู้ที่ทันยุคสมัยเหล่านี้ รวมทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมหลากหลายจากแบรนด์ชั้นนำด้านสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะมารวมตัวกันในงาน GFT 2022 ระหว่างวันที่ 22-25 มิถุนายน 2565 ณ ไบเทค บางนา

ผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าได้ที่เพจ https://www.facebook.com/gftpage แล้วอย่าลืมมาติดตามเนื้อหาที่คัดสรรเฉพาะสำหรับธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มใน GFT Blog ครั้งหน้า